top of page
  • Writer's pictureกันต์ธนน วณิชพิสิฐธนา

ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง

Updated: Mar 16, 2019

ในช่วงนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนและคนที่คุ้นเคยเกี่ยกับเนื้องอกและมะเร็ง และรู้สึกกังวลต่อสุขภาพแทนคนเหล่านี้ เลยทำให้ผมเข้าไปศึกษารายละเอียดถึงสาเหตุ วิธีการรักษาต่าง ๆ ที่มีให้เลือก นอกจากไปหาหมอโรงพยาบาลแล้ว ยังมีวิธีรักษาทางเลือกอื่นอีกไหม

ท่านผู้อ่านอาจคิดว่าทำไมจะต้องหาทางเลือกเพราะการไปหาหมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว เพราะหมอเรียนมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ผมคงโต้แย้งไม่ได้เพราะผมไม่ได้เรียนเป็นหมอ แต่ผมได้ไปเสาะหาผู้ที่คุณน่าจะรับฟังมาอธิบายให้ท่านเข้าใจถึงการรักษามะเร็ง รวมถึงทำไมไม่ควรให้หมอรักษาคุณ แน่นอนครับว่าคำพูดที่ค่อนข้างจะรุนแรงของเธอต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ซึ่งท่านอ่านจากเว็บไซต์นี้ได้ เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อหมอไปอย่างสิ้นเชิง

วิดิโอต่อไปนี้ ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าชมจากคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถเปิดคำบรรยายภาษาไทยได้ แต่เนื่องจากระบบใช้ Google Translate คุณภาพของการแปลก็อยู่ประมาณ 60-70% เท่านั้น ซึ่งพอให้เข้าใจใจความสำคัญได้ (ผมได้สรุปเป็นภาษาไทยไว้ใต้วิดิโอด้วย) วิดิโอเป็นบทสัมภาษณ์ของ คุณหมอโลเรน เดย์ (Dr. Lorraine Day) ซึ่งจบหลักสูตรแพทยศาสตร์จาก University of California, San Francisco ทำงานเป็นแพทย์ศัลยกรรมฉุกเฉิน เป็นรองประธานบริหารและรองศาสตราจารย์สาขาแพทยศาสตร์ที่ University of California, San Francisco เป็นเวลา 15 ปี และเป็นหัวหน้าศัลยกรรมกระดูกที่ San Francisco General Hospital และผู้เขี่ยวชาญโรค AIDS และสิ่งสำคัญที่มีบทบาทในเรื่องนี้คือคุณหมอเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งเสียเอง



ต่อไปนี้เป็นเนื่องเรื่องโดยสังเขปที่สรุปมาให้ท่านอ่าน


ในปี 1993 เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและขยายไปทั่วทรวงอกโดยไม่สามารถกำหนดขอบเขตได้ เธอปฏิเสธที่จะรับการฉายแสงเนื่องจากเธอรู้ว่ามันเป็นพิษและเธอก็เห็นผู้ป่วยจำนวนมากตายจากการฉายแสง จากเอกสารทางการแพทย์จำนวนมากก็ระบุว่าการฉายแสงเป็นโทษต่อร่างกาย แม้การฉายแสงครั้งแรก ๆ อาจทำให้มะเร็งหายไปได้ แต่ผู้ป่วยก็จะเป็นมะเร็งจากการฉายแสงและตายในที่สุด บางคนอาจมีคำถามว่าแล้วทำไมหมอถึงให้ฉายแสงทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นพิษ เธอกล่าวว่าเพราะหมอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร การฉายแสงจะฆ่าทั้งเซลล์ร้ายและดี และยังทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่ายกายอีกด้วย มันเป็นการแข่งขันว่าการฉายแสงจะฆ่ามะเร็งก่อนหรือผู้ป่วยก่อน การฉายแสงไม่ได้ฆ่ามะเร็ง เพราะการฉายแสงไม่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ทั้งหมด แต่ช่วยยึดชีวิตให้ผู้ป่วย วิธีนี้เหมือนกับการทิ้งระเบิดในบ้านเพื่อฆ่าปลวก เพราะทั้งบ้านและปลวกก็พินาศไปด้วยกัน ร่ายกายของเราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาตัวเอง การที่เราเป็นโรคต่าง ๆ รวมทั้งมะเร็งก็มาจากการใช้ชีวิตของเรา ข่าวดีก็คือเราสามารถย้อนกลับได้

เธอกล่าวถึงตนเองก่อนที่จะเป็นมะเร็งว่า มีคนถามเธอถึงเรื่องต่าง ๆ ในวงการแพทย์นั้น มีเรื่องจริงที่ปกปิดอยู่หรือไม่ และเธอก็ตอบผู้สงสัยว่าไม่มีแน่เพราะเธอก็อยู่ในวงการศึกษามาตลอด เพราะฉะนั้นหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น บรรดาหมอก็จะรู้ก่อน แต่ความเป็นจริงแล้วหมอกลับกลายเป็นคนสุดท้ายที่รู้เพราะหลักสูตรแพทย์เป็นหลักสูตรที่บิดเบือนความเป็นจริง บริษัทยาขนาดใหญ่เป็นผู้กำหนดว่าหลักสูตรแพทย์จะต้องเรียนอะไรเพราะเงินสนับสนุนการวิจัยมาจากบริษัทเหล่านี้ หมอจึงเรียนรู้การใช้ยาได้ดี ก่อนที่เธอจะรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เธอได้เดินทางไปพบคนต่าง ๆ ทั่วประเทศที่หายจากโรคมะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติ และได้พูดคุยกับหมอจำนวนมากที่เปลี่ยนเป็นการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เมื่อเธอเป็นมะเร็งเสียเอง เธอจึงดูแลตัวเองโดยเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน มะเร็งก็หายไปพักหนึ่ง แต่ก็กลับมาอีกหลังจากนั้นประมาณ 9 เดือน สิ่งที่เธอเปลี่ยนแปลงมีอย่างเดียวคือการกินและไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างอื่นในช่วงนั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เธอทดลองกับสิ่งอื่น ๆ แต่อาการเธอแย่ลงเรื่อย ๆ จนเกือบเสียชีวิต ในที่สุดเธอได้ค้นพบวิธีที่ทำให้เธอหายจากมะเร็งได้และใช้เวลาอีก 9 เดือน เธอต้องใช้เวลาในการดูแลตัวเองมากกว่า 2 ปี และพักฟื้นอีกหลายปีหลังจากนั้น

การที่เราป่วยนั้น มักเกิดจากวิธีการที่เราดำรงชีวิต เมื่อเราไปหาหมอ สิ่งที่หมอรู้ก็คือให้ยาเพื่อสยบอาการป่วยเท่านั้น แต่ไม่ได้รักษาเพราะนี่คือสิ่งที่ได้รับการสอนมา หมอก็ไม่รู้ว่าอาการต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้นสาเหตุของการป่วยก็ยังอยู่ ดังนั้น วิธีการในการรักษาที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนวิธีในการดำรงชีวิตของคุณ ซึ่งในวิดิโอนั้น Dr. Day ได้กล่าวไว้ 10 วิธี


ข้อคิดเห็นสำหรับวิดิโอนี้

1. หากท่านเป็นมะเร็งท่านต้องพิจารณาว่าควรทำอย่างไรดี ทางเลือกนั้นเป็นของท่านเพราะเป็นชีวิตของท่าน จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ

2. หากท่านยังไม่ได้เป็นมะเร็ง วิธีการหลีกเลี่ยงโรคร้ายถือว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด วิธีปฏิบัติและการดำเนินชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีนั้น บนอินเตอร์เน็ตมีเขียนไว้มากมาย แต่อยากให้ท่านพิจารณาอ่านบทความที่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้ ท่านไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการของ Dr. Day ทุกขั้นตอน แต่ที่ต้องการย้ำให้ท่านทราบว่าขั้นตอนต่อไปนี้ ไม่ว่าท่านไปอ่านที่ไหนก็ไม่แตกต่างกันซึ่งได้แก่

  • ได้รับแสงแดด

  • ดื่มน้ำสะอาดที่มากเพียงพอ

  • ฝึกหายใจ

  • คิดบวก ลดโทษะ โมหะ และอื่น ๆ ที่ทำให้จิตใจคุณหม่นหมอง ถ้าไม่เคยเคยวิดิโอเกี่ยวกับเรื่องผลึกน้ำ สามารถชมวิดิโอได้จากที่นี่ ผมไม่ได้ทดลองกับน้ำ

  • ทำสมาธิ

3. สิ่งหนึ่งที่ Dr. Day ได้กล่าวไว้ในวิดิโอคือไม่จำเป็นต้องใช้อาหารเสริม ในสหรัฐอเมริกา มีคนบางกลุ่มทีโชคดีสามารถหาอาหารที่เป็น Organic ได้ หรือปลูกเองก็ย่อมได้ แต่ถ้าโชคไม่เข้าข้างคุณ คุณอาจต้องใช้อาหารเสริมที่มีคุณภาพช่วยด้วย เพราะอาหารในบ้านเราที่เป็น Organic ไม่ได้หาง่าย ๆ ราคาก็ค่อนข้างแพงมากซึ่งผมคิดว่าไม่ควรแพงขนาดนั้นและก็ไม่แน่ใจว่า Organic จริงหรือเปล่า แล้วถ้าคุณปลูกเองแล้วปุ๋ยของคุณมากจากไหน เป็นสารสังเคราะห์หรือเปล่า อันนี้เป็นคำถามที่ถามต่อไปได้เรื่อย ๆ

อันนี้ความคิดของผมตรงกับ Webster Kehr, Independent Cancer Research Foundation ว่าการใช้อาหารเสริม มีความจำเป็นในบางช่วงของชีวิต ในประเทศไทยเริ่มมีบริษัทที่ผลิตอาหารเสริมที่เป็นออร์แกนิคแล้ว คุณสามารถอ่านบทความถึงความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมได้ที่นี่ และหากสนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรออร์แกนิคติดต่อผมได้ครับ

บทความนี้นำเสนอเพื่อแบ่งปันข้อมูลที่ผมคิดว่าสำคัญสำหรับคนในปัจจุบันทุกคน เพราะโอกาสที่เราจะเป็นมะเร็งนั้น มีค่อนข้างสูง คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องสุขภาพของตนมากนักเพราะคิดว่าฉันไม่น่าจะโชคร้ายอย่างนั้น หรือฉันอายุยังน้อยอยู่ คนจำนวนมากยอมซื้อรถราคาแพงคันละหลาย ๆ ล้าน ไหนจะค่าอะไหล่ ค่าบำรุงรักษา รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ที่แสนแพง หลาย ๆ คนยังไปแต่งเพิ่มอีกโดยไม่ได้เสียดายเงินเลย แต่พอถึงสุขภาพตัวเอง กลายเป็นว่าไม่จำเป็น ไร้สาระ อันนี้อยากให้ท่านพิจารณาเสียใหม่ พี่สาวผมเองเสียชีวิตตอนอายุ 35 จากมะเร็งมดลูกเพราะคิดว่าไม่ได้เป็นอะไร

ยิ่งถ้าคุณเป็นคนไทยและไม่ได้มีสมบัติมากมายเพื่อไว้รักษาตัวตอนแก่ด้วยแล้ว ยิ่งต้องศึกษาและดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีแต่เนิ่น ๆ เพราะเงินที่รัฐบาลให้คุณตอนเกษียณนั้นอยู่ที่ 700 บาทเท่านั้น แค่ซื้อข้าวกินให้พ้น 1 อาทิตย์ก็ยังพออยู่แล้ว ดังนั้น อย่าหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า การที่เราอายุมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่น่าเวทนาหรือเป็นไปตามเวรกรรม อันนี้เป็นวิธีคิดของคนที่ไม่เคยคิดหรือถูกปลูกฝังมาจากคนอื่น แต่หากท่านต้องการเช่นนั้นก็ไม่มีใครห้าม

ยังไงเสียทุกคนก็ต้องกลับคืนสู่ดินอยู่ดี ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมจะทำให้ทุกเวลาของชีวิตมีสุขภาพดีและสามารถใช้ชีวิตอย่างที่ผมต้องการได้ อาจจะไม่ได้กินตามใจปากมากนัก เพราะของที่ชอบมักเป็นโทษต่อร่างกายเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแอบกินบ้างเป็นครั้งคราวไม่ได้


อ้างอิง

59 views0 comments
bottom of page